Dawn of the Planet of the Apes พิภพวานร (2014)

หนังประเทศ : สหรัฐอเมริกา
เรื่องย่อ
Dawn of the Planet of the Apes คือภาคต่อของ Rise of the Planet of the Apes (2011) ที่ยกระดับความเข้มข้นทั้งด้านดราม่า แอ็กชัน และปรัชญา เล่าเรื่องหลังจากไวรัส ALZ-113 ระบาดไปทั่วโลกจนมนุษยชาติล่มสลาย เหลือผู้รอดชีวิตเพียงหยิบมือ ขณะเดียวกัน “ซีซาร์” (Andy Serkis) และฝูงวานรอัจฉริยะก็สร้างสังคมของตนขึ้นท่ามกลางป่าอย่างสงบสุข
ความสมดุลเริ่มสั่นคลอนเมื่อกลุ่มมนุษย์จากซานฟรานซิสโก นำโดย “มัลคอล์ม” (Jason Clarke) เข้ามาในดินแดนวานรเพื่อซ่อมแซมเขื่อนผลิตไฟฟ้า แม้ซีซาร์จะพยายามสร้างสันติภาพ แต่ความหวาดระแวง ความเจ็บแค้นในอดีต และความเกลียดชังที่ฝังลึกกำลังผลักดันให้ทั้งสองสายพันธุ์ต้องเผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บทความรีวิว
Dawn of the Planet of the Apes ไม่ใช่เพียงหนังสัตว์ครองโลก แต่เป็นภาพยนตร์ดราม่าการเมืองเชิงอุปมา ที่พูดถึงสงคราม ความหวาดกลัว และวงจรของความรุนแรงได้อย่างทรงพลัง ผู้กำกับ Matt Reeves สร้างโลกที่ทั้งมืดหม่น จริงจัง และเต็มไปด้วยน้ำหนักทางอารมณ์
หัวใจของเรื่องคือ “ซีซาร์” ผู้นำที่ต้องแบกรับความหวังของเผ่าวานรและความเจ็บปวดจากอดีต เขาต้องเลือกระหว่างความเมตตาและการปกป้องเผ่าพันธุ์ของตน ขณะที่ฝั่งมนุษย์เองก็ไม่ได้ถูกวาดให้เป็นตัวร้ายทั้งหมด ทุกคนล้วนมีเหตุผลในการเอาชีวิตรอด ทำให้หนังมีมิติเทา ๆ ที่สมจริงและน่าคิด
งานโมชั่นแคปเจอร์ของ Andy Serkis ทำให้ซีซาร์มีชีวิตจิตใจ ดวงตาที่สะท้อนความเศร้า ความโกรธ และความกลัว ทำให้ผู้ชมเชื่อและผูกพันได้อย่างลึกซึ้ง นี่คือหนึ่งในตัวละคร CGI ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
สปอยล์เต็ม

แม้ซีซาร์จะพยายามร่วมมือกับมัลคอล์มเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง แต่ “โคบะ” (Koba) วานรผู้เกลียดชังมนุษย์กลับก่อเหตุลอบยิงซีซาร์ และใส่ความว่ามนุษย์เป็นคนทำ จุดชนวนให้สงครามระหว่างวานรกับมนุษย์ปะทุขึ้น
โคบะยึดอำนาจและนำฝูงวานรบุกเมืองมนุษย์ ขณะที่ซีซาร์บาดเจ็บสาหัส แต่ยังรอดชีวิตและร่วมมือกับมัลคอล์มเพื่อหยุดยั้งความบ้าคลั่งนี้ ฉากการเผชิญหน้าบนยอดตึกระหว่างซีซาร์และโคบะคือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เมื่อซีซาร์ตัดสินใจปล่อยโคบะตกลงไป พร้อมคำพูดที่สะเทือนใจ: “โคบะไม่ใช่วานร”
ตอนจบเปิดทางสู่สงครามครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงระหว่างมนุษย์กับวานร ทิ้งความรู้สึกเศร้าและสิ้นหวังไว้เบื้องหลัง แม้ซีซาร์จะรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำไว้ แต่เขารู้ดีว่าสันติภาพกำลังห่างไกลออกไปทุกที
บทวิเคราะห์
หนังสะท้อนแก่นเรื่อง “สงครามเกิดจากความกลัว” และ “ความเกลียดชังทำลายทุกสิ่ง” ได้อย่างลึกซึ้ง วานรและมนุษย์ต่างเป็นกระจกสะท้อนกันและกัน ความรุนแรงที่เริ่มจากอดีตได้กลายเป็นเชื้อไฟที่พร้อมเผาผลาญทุกความหวัง
ซีซาร์คือสัญลักษณ์ของผู้นำที่พยายามยึดมั่นในศีลธรรม แม้โลกจะเต็มไปด้วยความมืด เขาคือคำถามถึงมนุษยชาติว่า “ใครกันแน่ที่ป่าเถื่อน?” และ “อารยธรรมที่แท้จริงคืออะไร?”
เทคนิคการสร้างและงานภาพ
งานภาพของ Michael Seresin ถ่ายทอดป่าที่เงียบงันแต่แฝงพลังคุกคามได้อย่างยอดเยี่ยม โทนสีกลาง–หม่น ให้ความรู้สึกเยือกเย็นและหนักแน่น ส่วนฉากแอ็กชันใช้ทั้งสโลว์โมชั่นและมุมมองใกล้ชิดเพื่อเน้นอารมณ์มากกว่าความมันเพียงอย่างเดียว
ดนตรีโดย Michael Giacchino เติมเต็มความยิ่งใหญ่ โศกเศร้า และความตึงเครียดของเรื่องได้อย่างลงตัว เสริมให้ฉากสำคัญตราตรึงอยู่ในใจผู้ชมยาวนาน
บทวิจารณ์
Dawn of the Planet of the Apes ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาคต่อที่ดีที่สุดของหนังไซไฟยุคใหม่ ด้วยเนื้อเรื่องที่มีน้ำหนักทางอารมณ์สูง ผสมผสานเทคนิคภาพล้ำสมัยเข้ากับประเด็นมนุษยธรรมอย่างกลมกลืน ทำรายได้ทั่วโลกกว่า 710 ล้านดอลลาร์ และได้รับคำชมเป็นเอกฉันท์จากนักวิจารณ์
นี่คือหนังที่พิสูจน์ว่า “หนังวานร” สามารถยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง และทรงพลังได้ไม่แพ้หนังดราม่าระดับรางวัล
ตัวอย่างภาพยนตร์
